วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลังคาเขียว GREEN ROOF

“หลังคาเขียว” (Green roof) คือหลังคาของอาคารที่ปิดทับบางส่วนหรือทั้งหมดด้วยพืชพรรณและดิน หรือเครื่องปลูกอย่างอื่นบนชั้นแผ่นกันน้ำ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงหลังคาที่ทาด้วยสีเขียว หรือวัสดุมุงสีเขียวใดๆ หลังคาเขียวอาจรวมส่วนประกอบอื่น เช่นแผ่นชั้นกันราก ระบบระบายน้ำและระบบรดน้ำต้นไม้
สวนกระถางที่จัดบนหลังคาซึ่งต้นไม้ปลูกในกระถางอิสระไม่นับเป็น “หลังคาเขียว” ที่แท้จริงในความหมายนี้ แม้จะยังเป็นที่ถกเถียงกันได้อยู่
คำว่า “หลังคาเขียว” อาจใช้กับหลังคาที่ใช้เทคโลโลยี “เขียว” บางรูปแบบ เช่น
แผงผลิตไฟฟ้าจากพลังสุริยะด้วยก็ได้ หลังคาเขียวอาจหมายถึงหลังคาแบบอื่น เช่น หลังคานิเวศ (eco-roofs) หลังคามีชีวิต (living roofs) ที่มีเป้าหมายของแนวคิดเดียวกัน
ปัจจุบัน ประโยชน์ของหลังคาเขียวได้ถูกนำมาใช้เป็นมาตรการหนึ่งทาง
สถาปัตยกรรมและการผังเมืองเพื่อช่วยบรรเทาปรากฏการณ์โลกร้อน
ประเภทของหลังคาเขียว
หลังคาเขียวอาจจำแนกได้เป็นแบบดูแล (intensive) หรือแบบกึ่งดูแล (semi-intensive) หรือแบบปล่อย(extensive) ขึ้นอยู่กับขนาดความลึกของดินปลูกและความต้องการในการดูแลรักษา สวนหลังคาทั่วไปซึ่งต้องการใช้ความลึกของดินปลูกมากพอควรเพื่อใช้ปลูกต้นไม้และปลูกหญ้าสนามแบบทั่วไปซึ่งนับเป็นสวนที่ต้องการการดูแลรักษาสูง ต้องการระบบการให้น้ำที่เพียงพอ ต้องการปุ๋ยและการดูแลรักษาอีกหลายอย่าง ต่างกับหลังคาเขียวแบบปล่อยที่ออกแบบให้ดูแลตนเองและต้องการการดูแลรักษาต่ำสุด ซึ่งอาจเป็นการกำจัดวัชพืชปีละครั้ง หรือให้ปุ๋ยชนิดปลดปล่อยช้าเพื่อเสริมการเจริญเติบโตบ้าง พืชพรรณที่ใช้กับหลังคาเขียวแบบปล่อยสามารถขึ้นได้บน “ดินปลูก” (ส่วนใหญ่เป็นดินผสมปุ๋ยหมักสูตรเฉพาะ)ที่ตื้น หรือแม้แต่ใช้แผ่นใยหิน (rock wool) ธรรมชาติ (ที่ไม่ใช่แอสเบสตอส) หรือใยหินสังเคราะห์ที่ใช้ทำฉนวนความร้อนที่ปูลงบนหลังค่าที่ทำระบบกันน้ำซึมไว้ดีแล้วได้โดยตรง ซึ่งต้นเซดัม (Sedum sp.) หรือพรรณไม้ประเภทอวบน้ำและมอสสามารถขึ้นได้ดี
ความแตกต่างที่สำคัญอีกประการหนึ่งของหลังคาเขียวคือ หลังคาเขียวแบบลาดเอียง กับ หลังคาเขียวแบบแบนราบ หลังคาเขียวแบบลาดเอียงเป็นแบบตาม
สถาปัตยกรรมประเพณีของสแกนดิเนเวียซึ่งมักเป็นการออกแบบที่ง่ายกว่าแบบแบนราบ ทั้งนี้เนื่องจากหลังคาเอียงน้ำไหลได้ดีกว่า ปัญหาการรั่วซึมเข้าไปในโครงสร้างหลังคาจึงมีน้อยกว่าจึงสิ้นเปลืองค่าป้องกันการซึมและการระบายน้ำน้อยกว่า

หลังคาเขียวในประเทศไทย
ประเทศไทยมีสวนหลังคามานานแล้ว โดยเฉพาะในย่านในเมืองหนาแน่น ด้วยการนำต้นไม้มาปลูกในภาชนะหรือกระถางบนดาดฟ้า แต่สวนหลังคาที่จงใจออกแบบให้เป็นสวนหลังคาตั้งแต่แรกและมีการจัดเผื่อการรับน้ำหนัก การกันน้ำซึมและอื่นๆ ไว้ก่อนเพิ่งเกิดขึ้นประมาณ 25-30 ปีที่ผ่านมาแต่มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อความสวยงามและเพื่อการใช้ประโยชน์พื้นที่ดาดฟ้า การใช้ในเชิงของหลังคาเขียวหรือเชิงการช่วยลดค่าการส่งผ่านความร้อนจากหลังคา (RTTV) โดยเฉพาะยังไม่ปรากฏชัดเจน สวนหลังคาที่อาจตรงเกณฑ์มากที่สุดและจัดหลังคาเขียวได้แห่งหนึ่งได้แก่หลังคาอาคารชุดพักผ่อนโครงการการ์เดนคลิฟ 2 ที่พัทยา ชลบุรีซึ่งสร้างเมื่อ พ.ศ. 2524 แม้จะไม่ได้ออกแบบตั้งแต่แรกเพื่อบรรเทาปรากฏการณ์โลกร้อนแต่เป็นการเปิดวิวทะเลและลดความน่าเกลียดเมื่อมองจากตัวอาคารหลักที่เป็นอาคารสูงในโครงการเดียวกัน หลังคาเขียวแห่งนี้หากจัดประเภทตามเกณฑ์ อาจจัดให้อยู่ในหลังคาเขียวแบบ "กึ่งปล่อย" (Semi-intensive) ได้เพราะดูแลรักษามีเพียงการตัดหญ้าและให้น้ำ
เศรษฐกิจฟองสะบู่ซึ่งก่อตัวขึ้นประมาณ 15 ปีที่ผ่านมามีส่วนทำให้ที่ดินราคาสูงขึ้นมาก ทำให้มีสวนหลังคาเกิดขึ้นตามโครงการต่างๆ ในย่านหนาแน่นมากจนเป็นปกติ แต่การสร้างหลังคาเขียวเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาโลกร้อนโดยเฉพาะยังไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน การทำหลังคาเขียวเพียงเพื่อการลดความร้อนผ่านทางหลังคายังมีน้ำหนักไม่พอในเชิงของการคุ้มทุนและการดูแลรักษา การบูรณาการประโยชน์ใช้สอยและความงามเข้าไปด้วยอาจเป็นวิธีที่ได้ผล การยกปรากฏการณ์โลกร้อนมาเป็นเกณฑ์ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)นับเป็นสิ่งที่ดี มาตรการ "ปลูกต้นไม้ 1 ต้นต่อเครื่องปรับอากาศ 1 ตัน?" อาจเป็นไปได้ยากในเมือง แต่หากใช้ "หลังคาเขียว" มาใช้เป็นเกณฑ์เสริมก็อาจช่วยให้เกิดความเป็นไปได้มากขึ้น
ข้อเสียของหลังคาเขียว
หลังคาเขียวต้องการโครงสร้างที่แข็งแรงมากขึ้นกว่ามาตรฐานหลังคาธรรมดา อาคารเดิมบางหลังไม่สามารถปรับหลังคาเป็นหลังคาเขียวได้เนื่องจากน้ำหนักของดินปลูกและพืชพรรณที่เพิ่มเกินจากน้ำหนักที่ได้คำนวณไว้ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาซึ่งผันแปรมากน้อยไปตามประเภทของหลังคาเขียว
ค่าก่อสร้างหลังคาเขียว
หลังคาเขียวที่ออกแบบและก่อสร้างถูกต้องจะตกประมาณตั้งแต่ 50 เหรียญสหรัฐ (ในยุโรป) ไปจนถึง 350 เหรียญสหรัฐ (อย่างสูงในสหรัฐ) ต่อตารางเมตร ค่าก่อสร้างมากน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของหลังคาอาคาร และชนิดของพืชพรรณที่สามารถขึ้นได้ในวัสดุที่อยู่บนหลังคา จอร์ก บรูนิงได้กล่าวถึงปัญหาเรื่องลมและไฟบนหลังคาเขียวแบบปล่อย รวมทั้งวิธีที่บริษัทประกันเยอรมันจัดการกับหลังคาเขียวแบบปล่อยไว้ในบทความของเขาในหน้า 12 ของ “วาสารกรีนรูฟอินฟราสตรักเจอร์มอนิเตอร์” ของเว็บไซต์ หลังคาเขียวเพื่อสุขภาพของเมือง
ค่าใช้จ่ายบางส่วนอาจขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา หลังคาเขียวแบบปล่อยมีค่าดูแลรักษาต่ำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องดูแล นักวิจัยเยอรมันได้วิเคราะห์หาตัวเลขเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการจัดการกับวัชพืชที่ไม่ต้องการออกมาโดยประมาณได้ 0.1 นาที/(ตารางเมตร*ปีค่าใช้จ่ายรวมค่าใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มดอกและการคลุมของพืชอวบน้ำ แต่ถ้าไม่ต้องการหรือไม่จำเป็นต้องมีความสวยงามก็ไม่ต้องมีการดูแลและใส่ปุ๋ย ปุ๋ยที่จะใช้กับหลังคาเขียวจำเป็นต้องเป็นชนิดควบคุมการละลายเพื่อป้องกันมลภาวะกับน้ำฝนที่ระบายออกมาสู่ระบบสาธารณะ ไม่ควรใช้ปุ๋ยชนิดธรรมดากับพืชพรรณของหลังคาเขียวแบบปล่อย การศึกษาของเยอรมันดังกล่าวได้ประมาณการความต้องการธาตุอาหารสำหรับพืชพรรณหลังคาเขียวไว้ที่ 5 กรัมไนโตรเจน/ตารางเมตร และที่สำคัญยิ่งคือ จะต้องใช้สารตั้งต้นชนิดที่ไม่อุ้มสารอาหารได้มาก แนวทาง FLL ได้กำหนดส่วนประกอบสารอาหารมากสุดที่ยอมให้ได้สำหรับสารตั้งต้นไว้แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น